top of page
Clip path group
Clip path group

เตรียมพบกับ Hawker Center สวนลุมพินี ต้นปี 2569วิเคราะห์ความสำเร็จของ Hawker Center สิงคโปร์ สู่กรุงเทพฯ: ต้นแบบการยกระดับ Street Food

1 วันที่แล้ว

ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

0

3

0


Hawker Center คืออะไร ?

Hawker Center เป็นแนวคิดโรงอาหารชุมชน ที่เริ่มต้นในสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 1960s ภายใต้แนวทางนโยบายรัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาสุขอนามัยและการเข้าถึงอาหารอย่างทั่วถึง ศูนย์อาหารเหล่านี้รวบรวมร้านอาหารท้องถิ่นและแผงลอยอย่างเป็นระเบียบ ถูกสุขอนามัย และขึ้นชื่อเรื่องรสชาติต้นตำรับในราคาย่อมเยา เป็นแหล่งอาหารของทั้งคนท้องถิ่นและชาวต่างชาติที่กระจายอยู่ตามย่านต่าง ๆ ของสิงคโปร์

Hawker Center ไม่เพียงเป็นศูนย์รวมอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็น พื้นที่ทางสังคม ที่ผู้คนสามารถพบปะ แลกเปลี่ยนเรื่องราว และซึมซับวัฒนธรรมร่วมกัน โมเดลนี้จึงกลายเป็น ต้นแบบความสำเร็จระดับโลก ในการบริหารพื้นที่อาหารริมทางอย่างครบมิติ



กลไกความสำเร็จของ Hawker Center สิงคโปร์ประกอบด้วย:

1.         การกำกับดูแลและมาตรฐาน: ระบบกำกับดูแลเข้มงวดและมีมาตรฐานเดียวกันทั้งประเทศ ตั้งแต่การออกใบอนุญาต การตรวจสุขอนามัย ไปจนถึงการจัดอันดับคุณภาพร้านค้า

2.         ค่าเช่าและโครงสร้างต้นทุน: รัฐบริหารค่าเช่าต่ำผ่านกลไกรัฐวิสาหกิจและมาตรการสนับสนุนผู้ค้า เช่น Hawkers’ Development Programme เพื่อให้ราคาอาหารเข้าถึงได้

3.         การพัฒนาต่อเนื่องและยั่งยืน: มีการปรับปรุงศูนย์อาหารอย่างสม่ำเสมอ ทั้งซ่อมแซม ปรับปรุงระบบระบายอากาศ และเพิ่มความสะดวกสบาย เพื่อรักษาคุณภาพและประสบการณ์ของผู้ใช้บริการ

ผลจากกลไกเหล่านี้ ทำให้ Hawker Center เป็นมากกว่าเพียงศูนย์อาหาร แต่กลายเป็นเครื่องมือสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน อย่างยั่งยืน


 

Hawker Center สวนลุมพินี: ยกระดับ Street Food กรุงเทพฯ

โครงการ Hawker Center สวนลุมพินี แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของกรุงเทพมหานครที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ Street Food จากความวุ่นวายและขาดมาตรฐาน ให้กลายเป็นจุดเด่นที่แสดงถึงคุณภาพและความมีระเบียบเรียบร้อย


กทม. ไม่ได้เพียงจัดระเบียบพื้นที่ แต่ยังจัดสรรพื้นที่ใหม่ให้ผู้ค้าเดิม สะท้อนแนวคิดการพัฒนาแบบมีส่วนร่วม ที่เห็นคุณค่าในวิถีชีวิตคนเมืองดั้งเดิม โดยโฆษก กทม. ระบุว่า Hawker Center จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้มีรายได้น้อย ด้วยการให้สิทธิ์ผู้ค้าเดิมที่เคยได้รับผลกระทบจากการจัดระเบียบทางเท้าถนนสารสิน เพื่อให้มีพื้นที่ค้าขายมั่นคงและสร้างรายได้ต่อเนื่อง การพัฒนาศูนย์อาหารนี้จึงไม่เพียงปรับภูมิทัศน์เมือง แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ชุมชนผู้ค้าเดิมควบคู่ไปด้วย


ศูนย์อาหารถูกออกแบบเพื่อยกระดับมาตรฐานร้านค้าริมทาง เปิดโอกาสให้ร้านค้า หาบเร่ และแผงลอยที่เคยกีดขวางทางเดิน เปลี่ยนมาเป็นร้านค้าในศูนย์อาหาร โดยสำนักงานเขตปทุมวันได้ประสานผู้ค้าเดิมให้ตั้งชั่วคราวบริเวณแนวรั้วสวนลุมพินี ฝั่งถนนราชดำริ ระหว่างการก่อสร้าง

 


แนวทางการออกแบบที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม

อาคาร Hawker Center สวนลุมพินีถูกออกแบบภายใต้แนวคิดอย่างเป็นมิตรต่อบริบทของพื้นที่และสิ่งแวดล้อม ดังต่อไปนี้

·       มีระบบระบายอากาศธรรมชาติ ไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ

·       ใช้สีหม่นเพื่อลดการสะท้อนแสง ป้องกันรบกวนโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

·       รุกขกรสำรวจสุขภาพไม้ยืนต้นในพื้นที่ก่อสร้าง เคลื่อนย้ายไปปลูกชั่วคราวในสวนลุมพินี และนำกลับมาปลูกในศูนย์อาหารหลังการก่อสร้าง

การออกแบบนี้ช่วยรักษาสมดุลระหว่างการพัฒนาเมืองกับสิ่งแวดล้อม สะท้อนภาพลักษณ์เมืองที่ทันสมัย ใส่ใจ และมีความเป็นสากล



การเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ต้นปี 2569

·       เวลาเปิด-ปิด: รอบเช้า 05.00 – 16.00 น. และรอบเย็น 16.00 – 24.00 น.

·       จำนวนผู้ค้า: รองรับสูงสุด 88 รายต่อรอบ (ร้านละ 2 × 2 เมตร)

·       ประเภทสินค้า: อาหารพร้อมรับประทาน เครื่องดื่ม อาหารสด ผัก และผลไม้สด

·       ที่ตั้ง: ถนนราชดำริ ติดสวนลุมพินี

ศูนย์อาหารนี้ยังคงอัตลักษณ์ Street Food ของกรุงเทพฯ เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้ที่มาออกกำลังกายในสวนลุมพินี นักท่องเที่ยว และคนเมืองทุกกลุ่ม


 


ความสำเร็จที่เกิดจากการบริหารจัดการอย่างครบมิติ

แม้โครงการ Hawker Center ของกทม. จะเป็นโครงการนำร่องที่มีวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ชัดเจน แต่ความสำเร็จไม่อาจประเมินได้เพียงระยะสั้น จำเป็นต้องมองในระยะยาว โดยคำนึงถึงกลไกการบริหารจัดการและความยืดหยุ่นในการประยุกต์โครงการให้เหมาะกับบริบทพื้นที่อื่น ๆ

แนวทางสำคัญประกอบด้วย:

  1. การวางแผนเชิงนโยบายและชุมชน – การกำหนดพื้นที่ จัดลำดับผู้ค้า และสร้างระบบกำกับดูแลที่ชัดเจน จะช่วยให้ Hawker Center กลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย มีระเบียบ และยั่งยืน

  2. ความยืดหยุ่นตามบริบทท้องถิ่น – การปรับขนาดและรูปแบบศูนย์อาหารให้สอดคล้องกับที่ตั้งของย่าน พื้นที่ และผู้ค้าเดิม จะช่วยให้โครงการสามารถตอบสนองต่อบริบทเฉพาะของแต่ละพื้นที่ได้อย่างเหมาะสม

  3. การสนับสนุนผู้ค้าและสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ – การให้สิทธิ์แก่ผู้ค้าเดิมและออกแบบค่าเช่าที่เหมาะสม จะช่วยให้ผู้ค้ารายย่อยสามารถดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง สร้างรายได้มั่นคง และมีส่วนร่วมในพัฒนาการของเมือง

  4. การพัฒนาต่อเนื่องและยั่งยืน – เช่นเดียวกับโมเดลสิงคโปร์ การปรับปรุงศูนย์อาหารอย่างสม่ำเสมอ ทั้งการซ่อมแซม ปรับปรุง การจัดการระบบรักษาความสะอาด จะช่วยรักษามาตรฐานคุณภาพและประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้บริการอย่างยั่งยืน


 

ความสำเร็จของ Hawker Center สวนลุมพินี ไม่ใช่เพียงการพัฒนาเฉพาะจุด แต่เป็นต้นแบบแนวคิดที่สามารถปรับใช้และขยายผลในย่านอื่น ๆ ของกรุงเทพฯ เพื่อยกระดับมาตรฐานและคุณภาพของ Street Food ของเมืองหลวงอย่างยั่งยืน

มารอลุ้นกันว่า โครงการนี้จึงถือเป็น จุดเริ่มต้นของการพลิกโฉม Street Food กรุงเทพฯ ไปสู่รูปแบบที่สะอาด ปลอดภัย เป็นระเบียบ และพร้อมสอดคล้องกับการพัฒนาเมืองอย่างรอบด้าน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ได้หรือไม่

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :

https://www.prachachat.net/general/news-1864435

https://www.facebook.com/bangkokbma/posts/-กทม-เดินหน้า-hawker-center-สวนลุมพินี-ยกระดับ-street-food-ควบคู่ดูแลต้นไม้ใหญ่-/1099587862349362/?locale=th_TH

https://www.salika.co/2025/08/15/street-food-hawker-center-bangkok/

https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_5322345

https://urbancreature.co/lumpini-park-hawker-center/

https://silverkris.singaporeair.com/guide/singapore/sin/eat-singapore/maxwell-hawker-centre/

https://www.misstamchiak.com/maxwell-food-centre/


1 วันที่แล้ว

ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

0

3

0

โพสต์ที่คล้ายกัน

ความคิดเห็น

แชร์ความคิดเห็นของคุณเชิญแสดงความคิดเห็น คุณคือคนแรกที่แสดงความคิดเห็นที่นี่
bottom of page