top of page
Clip path group
Clip path group

รถไฟฟ้า 20 บาท รัฐบาลทำได้จริงไหม? วิเคราะห์นโยบายและข้อเท็จจริงปี 2568

ก.ค. 10

ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

0

16

0


รัฐบาลกำลังเร่งเครื่องเดินหน้านโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” ตามที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงไว้ โดยมีเป้าหมายเริ่มใช้งานภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2568 แต่อุปสรรคสำคัญไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องของเวลาหรือการเมือง หากแต่ยังรวมถึงโครงสร้างกฎหมาย ระบบบริหารจัดการ และแหล่งงบประมาณที่ยังไม่ชัดเจนว่าพร้อมมากน้อยเพียงใด


กฎหมาย 3 ฉบับ: เงื่อนไขสำคัญของการเริ่มนโยบาย

เพื่อให้นโยบายสามารถเริ่มได้ทันตามกำหนด รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งผลักดันกฎหมายสำคัญ 3 ฉบับ ซึ่งทั้งสามฉบับมีบทบาทสำคัญในการจัดโครงสร้างระบบขนส่งทางรางของประเทศ การควบคุมอัตราค่าโดยสาร และการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนระบบตั๋วร่วม หากสามารถบังคับใช้ได้ทันภายในเดือนกรกฎาคม 2568 ก็จะเปิดทางให้นโยบายนี้เดินหน้าอย่างมีโครงสร้างทางกฎหมายรองรับ

  • พ.ร.บ. การขนส่งทางราง มีเป้าหมายเพื่อจัดตั้งคณะกรรมการนโยบายการขนส่งทางราง โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อควบคุมทิศทางพัฒนาระบบรางของประเทศ และเป็นแม่บทที่เปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในเครือข่ายระบบขนส่งรางได้อย่างเป็นระบบ

  • พ.ร.บ. ระบบตั๋วร่วม วางหลักการกลางของระบบตั๋วโดยสารร่วม เช่น การกำหนดมาตรฐานเทคโนโลยีตั๋วร่วม อัตราค่าโดยสารกลาง และการตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการที่เข้าร่วมระบบ

  • พ.ร.บ. รฟม. (ฉบับปรับปรุง) เน้นให้นำเงินสะสมของ รฟม. ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ราว 16,000 ล้านบาท มาใส่ในกองทุนตั๋วร่วม โดยไม่ต้องส่งรายได้เข้าคลัง และยังเปิดโอกาสให้ รฟม. ทำธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพื่อหารายได้เพิ่ม เช่น การบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ตามแนวรถไฟฟ้า


ความท้าทายด้านการเงิน: เงินอุดหนุนปีละ 9,500 ล้านบาท มาจากไหน?

แม้รัฐบาลประกาศชัดว่าจะไม่ใช้งบประมาณแผ่นดินในการอุดหนุนค่าโดยสาร แต่ความจริงแล้วการคงอัตราค่าโดยสารที่ 20 บาทตลอดสายสำหรับประชาชนกว่า 1 ล้านเที่ยวต่อวันนั้น จำเป็นต้องใช้เงินอุดหนุนปีละกว่า 8,500–9,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อย

แผนดำเนินการ รถไฟฟ้า 20 บ. ตลอดสาย
แผนดำเนินการ รถไฟฟ้า 20 บ. ตลอดสาย

3 แนวทางหลักเพื่อจัดหาเงินอุดหนุน:

  1. การตั้งกองทุนตั๋วร่วม

    หลังจากกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่านและบังคับใช้ รัฐบาลสามารถนำเงินสะสมของ รฟม. มาเป็นเงินตั้งต้นสำหรับกองทุนตั๋วร่วม ซึ่งคาดว่าเพียงพอสำหรับการอุดหนุนในช่วง 2 ปีแรกของนโยบาย

  2. การเก็บภาษีรถติด (Congestion Charge)

    แนวคิดนี้อยู่ระหว่างการศึกษา โดยจะจัดเก็บค่าธรรมเนียมจากรถยนต์ที่เข้าเขตใจกลางเมือง เช่น สุขุมวิท สีลม หรือสยามพารากอน ในอัตรา 40–50 บาทต่อวันต่อคัน คาดว่าอาจเริ่มใช้ได้หลังปี 2570 หากมีการออกกฎหมายรองรับสำเร็จ

  3. การซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าจากเอกชน

    เป็นแนวทางระยะยาวที่กำลังอยู่ระหว่างการศึกษา โดยกระทรวงการคลังและคมนาคมวางแนวทางใช้กองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อซื้อคืนระบบสัมปทานบางสายจากเอกชน กลับมาให้รัฐเป็นผู้บริหารโดยตรง แนวทางนี้อาจต้องใช้งบประมาณสูงถึง 150,000–300,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปได้ยากและยังต้องใช้เวลาศึกษาในรายละเอียดต่อไป


หากกฎหมายไม่ผ่าน นโยบายจะจำกัดแค่ 5 สาย:

หากไม่สามารถออกกฎหมายทั้ง 3 ฉบับได้ทันในเดือนกรกฎาคม 2568 นโยบายอาจดำเนินการได้เพียง 5 สายเท่านั้น ได้แก่:

  • สายสีแดง (ใช้งบชดเชยตรงจากรัฐ)

  • สายสีม่วง / สีน้ำเงิน / สีชมพู / สีเหลือง (ใช้เงินสะสม รฟม.)

ส่วน สายสีเขียว, สีทอง และ ARL จะยังไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้

 

อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าปัจจุบัน
อัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าปัจจุบัน

รถไฟฟ้า 20 บาท อาจเกิดได้จริง แต่จะอยู่ได้แค่ไหน?

หากดูจากความพร้อมด้านกฎหมายและเงินทุนตั้งต้น นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมีความเป็นไปได้ที่จะเริ่มต้นได้ตามแผนในเดือนตุลาคม 2568 ผ่านระบบลงทะเบียนแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ด้วยบัตรประชาชน 13 หลัก อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญคือ “ความยั่งยืน” ของนโยบายหลังจากช่วง 2 ปีแรกผ่านไป โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลหมดวาระ หากไม่มีแหล่งรายได้ถาวรและระบบบริหารจัดการที่มั่นคง การดำเนินนโยบายนี้อาจกลายเป็นเพียงโครงการระยะสั้นที่สิ้นสุดตามอายุของรัฐบาล

 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ

https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/98268

https://www.sanook.com/money/940784/

https://policywatch.thaipbs.or.th/article/economy-162

https://www.ptp.or.th/นโยบายระยะยาว/รถไฟฟา20บาท

https://www.tcc.or.th/18062568_metro20thb_news/

https://www.tnnthailand.com/wealth/investment/204775/

https://www.bts.co.th

https://www.thansettakij.com/business/economy/605397

ก.ค. 10

ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

0

16

0

โพสต์ที่คล้ายกัน

ความคิดเห็น

แชร์ความคิดเห็นของคุณเชิญแสดงความคิดเห็น คุณคือคนแรกที่แสดงความคิดเห็นที่นี่
bottom of page