
พลิกโฉมอสังหาฯเมืองใหญ่กับ Grand Green Osaka ลงทุนสีเขียว สร้างมูลค่าอนาคต
4 วันที่แล้ว
ใช้เวลาอ่าน 2 นาที
2
9
0

โอซาก้า เมืองเศรษฐกิจสำคัญของภูมิภาคคันไซ เป็นมหานครที่เต็มไปด้วยพลังสร้างสรรค์และนวัตกรรม ในปี 2025 โอซาก้าโดดเด่นไม่เพียงในฐานะเจ้าภาพ World Expo 2025 ที่เพิ่มจบไปหมาดๆ แต่ยังสะท้อนตัวตนของเมืองที่เป็นหัวใจเศรษฐกิจของคันไซ ถูกยกให้เป็นเมืองเศรษฐกิจอันดับสองของญี่ปุ่น และคว้าตำแหน่ง “เมืองน่าอยู่ที่สุดอันดับ 7 ของโลก” รวมถึงเป็นเมืองเดียวในเอเชียที่ติด Top 10 ประจำปี 2025 จากการจัดอันดับของ The Economist Intelligence Unit (EIU)
วันนี้ LAD จะพาทุกท่านทำความรู้จัก "Grand Green Osaka" โครงการพัฒนาเมืองแนวคิดใหม่ ที่รวมการลงทุนสีเขียวและการออกแบบอย่างยั่งยืนไว้บนพื้นที่รวมกว่า พื้นที่รวม 55.3 เฮกตาร์ (ประมาณ 345 ไร่ หรือ 550,000 ตารางเมตร) ใกล้สถานี JR Osaka ทำเลเศรษฐกิจผืนสุดท้ายของภูมิภาคคันไซ Grand Green Osaka แบ่งออกเป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองขนาด 4.5 เฮกตาร์ และที่ดินส่วนตัวขนาด 4.6 เฮกตาร์

สวนกระแสตึกสูง สู่สวนใจกลางเมือง
ในยุคที่เมืองใหญ่ทั่วโลกเผชิญปัญหาความหนาแน่นและตึกสูงเบียดเสียด โอซาก้าเลือกสร้างความแตกต่างด้วยแนวคิดคืนธรรมชาติสู่ใจกลางเมือง โครงการ Mixed-use Development ของ Grand Green Osaka ผสานอาคาร และย่านโดยรอบเข้ากับสวนสีเขียวขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ที่เน้นการเชื่อมโยงธรรมชาติกับเมือง ทั้งทัศนียภาพ การไหลเวียนอากาศ และพื้นที่สำหรับผู้คน ทำให้ที่ดินเศรษฐกิจกลายเป็น “ปอดกลางเมือง” ส่งเสริมคุณภาพชีวิตและชุมชนโดยรอบ Grand Green Osaka จึงไม่ใช่เพียงโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่เป็นโมเดลเมืองยั่งยืน ที่ให้คุณค่ากับธรรมชาติเทียบเท่าโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และพิสูจน์ว่า การลงทุนในพื้นที่สีเขียวคือ ทุนอนาคตของเมือง

จากลานขนส่งสินค้า สู่เมืองแห่งอนาคต
โครงการนี้เป็นเฟสที่สองของการฟื้นฟูพื้นที่ขนาดใหญ่ เดิมทีบริเวณนี้คือ ลานขนส่งสินค้าของสถานีโอซาก้าเหนือ ที่เต็มไปด้วยโครงสร้างเก่าและพื้นที่รกร้าง วันนี้ถูกเปลี่ยนเป็นเขตเมืองใหม่ที่ทันสมัยและยั่งยืน ตั้งอยู่ในย่านอุเมดะ (Umeda) ศูนย์กลางระบบขนส่งหลักของโอซาก้าและภูมิภาคตะวันตก โดยโครงการเกิดจากความร่วมมือระหว่าง รัฐบาลท้องถิ่น ภาคเอกชน บริษัทพัฒนาอสังหาฯชั้นนำ นักออกแบบระดับโลก และหน่วยงานรัฐ เพื่อตอบโจทย์การคืนพื้นที่ให้กับเมืองและสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ โดยพื้นที่กว่า 550,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย อาคารสำนักงานพรีเมียม พื้นที่พักอาศัย โรงแรม ศูนย์การค้า พิพิธภัณฑ์ และสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ภายใต้แนวคิดสำคัญคือ การเชื่อมสถาปัตยกรรมเข้ากับธรรมชาติอย่างไร้รอยต่อ

ส่วนแรกของโครงการเปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อ 6 กันยายน 2024 และมีกำหนดทยอยเปิดครบสมบูรณ์ภายในปีงบประ มาณ 2027 สานต่อความสำเร็จของ Grand Front Osaka (เปิด 2013) คอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ที่รวมศูนย์ประชุม โรงแรม และแหล่งช็อปปิ้ง
ทั้งนี้ ในการเปิดตัวล่าสุด ได้เปิด Rohto Heart Square Umekita ลานกิจกรรมกลางใจโครงการ พร้อมหลังคาคลุม และเชื่อมต่อโดยตรงกับชานชาลารถไฟใต้ดินแห่งใหม่ นอกจากนี้ยังมี ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว แกลเลอรีอเนกประสงค์ และพื้นที่จัดแสดงแนวคิดการใช้ชีวิตยั่งยืน โดยพื้นที่นี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของ Super City Initiative โครงการยุทธศาสตร์เมืองอัจฉริยะของรัฐบาลญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยี นวัตกรรม และสิ่งแวดล้อมยั่งยืน จึงถูกจับตามองว่าจะกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจสีเขียว ร่วมกับพื้นที่ Yumeshima สำหรับ World Expo 2025

สวนกลางเมือง: หัวใจหลักของมูลค่า
สิ่งที่ทำให้ Grand Green Osaka แตกต่างจากโครงการ Mixed-use ทั่วไปคือ การลงทุนขนาดใหญ่กับ Urban Park ซึ่งมีขนาดเทียบเท่าสนามฟุตบอลหลายสิบสนาม สวนนี้ไม่ได้เป็นเพียงพื้นที่พักผ่อน แต่ถูกออกแบบให้เป็นจุดศูนย์กลางของประสบการณ์ ที่ผู้คนจากรอบย่านสามารถเข้าถึงได้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานออฟฟิศ นักท่องเที่ยว หรือคนในเมือง ที่นักออกแบบจาก Nikken Sekkei และ GGN ตั้งใจให้สวนกลายเป็น ระบบนิเวศกลางเมือง เชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวของโครงการข้างเคียง สร้างเครือข่ายพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่ช่วยลดอุณหภูมิรอบย่าน และทำให้บรรยากาศร่มรื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
Grand Green Osaka ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด ผสานพื้นที่สีเขียวเข้ากับนวัตกรรมเมือง (Blending Greenery with Innovation) เป้าหมายคือการสร้าง เขตเมืองระดับโลก ที่สนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงนวัตกรรม ผ่านความร่วมมือระหว่าง ภาคอุตสาหกรรม มหาวิทยาลัย และหน่วยงานรัฐ
พื้นที่โครงการประกอบด้วยสวนสาธารณะกลางเมือง (Urban Park) พื้นที่สำนักงาน โรงแรม 3 แห่งสำหรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงสามารถเชื่อมโยงกับ Congrès Convention Center ใน Grand Front Osaka ทั้งหมดนี้ช่วยยกระดับศักยภาพของโอซาก้าในการจัดประชุม นิทรรศการ และอีเวนต์ระดับนานาชาติ ทำให้เมืองมีความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลกมากยิ่งขึ้น

การออกแบบที่ไม่แยก “เมือง” ออกจาก “ธรรมชาติ”
โครงการถูกวางผังโดยมีถนนหลักตัดผ่านจากตะวันตกไปตะวันออก เพื่อเปิดทัศนียภาพให้มองเห็นสวนได้จากทุกมุม จากอาคารทุกหลัง ตั้งแต่ตึกสูงจนถึงอาคารชั้นเดียว ที่ถูกออกแบบให้มีเปลือกอาคาร (Façade) ให้สวยทุกด้าน เพื่อให้ทุกอาคารหันหน้าเข้าสู่สวน โดยเน้นการออกแบบที่สร้างความสมดุลระหว่างสถาปัตยกรรมและธรรมชาติ ผ่านการปรับองศา บิดแกน และลดความหนาแน่นในบางส่วน เพื่อให้ทุกอาคารสามารถมองเห็นทิวทัศน์สีเขียวรอบด้าน และรับแสงธรรมชาติได้อย่างเหมาะสม โดยมีการจัดสรรพื้นที่สีเขียวอย่างชาญฉลาด สวนกลางโครงการ แบ่งออกเป็น 2 โซนหลัก
ฝั่งทิศใต้ (Great Lawn): สนามหญ้าโล่งขนาดใหญ่ สำหรับพักผ่อน เดินเล่น หรือจัดกิจกรรมกลางแจ้ง
ฝั่งทิศเหนือ (เปิดปี 2027): พื้นที่ธรรมชาติซับซ้อนขึ้น เช่น ลำธาร น้ำตก และพื้นที่ป่าเบา ๆ สร้างระบบนิเวศหลากหลาย
ทั้งสองฝั่งเชื่อมต่อด้วยแนวทางเดินขนาดใหญ่และ Skywalk สูง 4 เมตร ยาวกว่า 350 เมตร ตัดผ่านใจกลางโครงการ ให้ผู้มาเยือนได้ชมวิวสวนและเมืองในมุมมองใหม่

กลยุทธ์เมืองด้วย “สามแกนหลัก”
พื้นที่ของ Grand Green Osaka ถูกออกแบบให้คันดิน (Embankments) เชื่อมต่อฝั่งเหนือ–ใต้ สร้างระดับความสูงที่แตกต่าง หรือการปรับระดับเนินดิน (slope) ยังช่วยให้ขอบเขตระหว่างพื้นที่สาธารณะและเอกชนเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่ต้องใช้กำแพงหรือรั้ว ส่งผลให้การไหลเวียนของผู้คนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งภายในและรอบพื้นที่ และมี South Park ทำหน้าที่เป็น โอเอซิสกลางมหานคร จัดวางเป็น 3 แกนพื้นที่หลัก (Three Core Spaces) ได้แก่:
Great Lawn : พื้นที่สีเขียวเอนกประสงค์ใน South Park ตั้งอยู่ด้านหน้าสถานี JR Osaka
Step Plaza : พื้นที่ศูนย์กลางการสัญจร ผสานถนนและสวนอย่างไร้รอยต่อ ให้ผู้คนและยานพาหนะเคลื่อนไหวระหว่างเหนือ–ใต้ได้อย่างต่อเนื่อง
Umekita Grove : ระบบนิเวศของ North Park เชื่อมต่อกับ Shin Satoyama และ Naka Shizen-no-Mori Park

โครงสร้างพื้นฐานสีเขียว = ต้นทุนระยะยาวที่คืนกำไรได้จริง
จึงกล่าวได้ว่า หนึ่งในความน่าสนใจที่สุดของโครงการนี้ คือการที่ “พื้นที่สีเขียว” ไม่ได้เป็นแค่ภาพลักษณ์หรือสัญลักษณ์แห่งความยั่งยืน แต่ถูกออกแบบให้เป็น “โครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน” ของเมืองด้วย โดย Grand Green Osaka เป็นโครงการแรกของญี่ปุ่นที่ใช้ระบบ Aquifer Thermal Energy Storage (ATES) หรือการกักเก็บพลังงานความร้อนในชั้นกรวดใต้ดิน ซึ่งจะเก็บพลังงานส่วนเกินจากฤดูร้อนและนำกลับมาใช้ในฤด ูหนาว นอกจากนี้ยังมีการนำ พลังงานจากน้ำทิ้ง (Wastewater Energy Recovery) และพลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่นๆ มาผสมผสาน เพื่อให้ทั้งโครงการสามารถลดการใช้พลังงานและลด “Urban Heat Island” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กล่าวได้ว่าการลงทุนในโครงสร้างสีเขียวของโครงการนี้ ไม่เพียงช่วยให้เมืองเย็นขึ้น แต่ยังช่วยให้ “ต้นทุนพลังงานของอาคารทั้งหมดลดลงในระยะยาว” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าความยั่งยืนสามารถแปลงเป็นผลตอบแทนที่วัดได้จริง
พื้นที่สีเขียวกลายเป็น “กลยุทธ์การตลาดอสังหาฯ”
สำหรับนักลงทุนและนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก Grand Green Osaka เป็นกรณีศึกษาสำคัญที่พิสูจน์ว่า “พื้นที่สีเขียวคือเครื่องมือสร้างมูลค่า” ไม่ใช่เพียง “ของตกแต่งเมือง” การมี Urban Park ขนาดใหญ่ใจกลางย่านธุรกิจ ทำให้ราคาที่ดินรอบข้างเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และดึงดูดทั้งนักลงทุนระยะยาวและผู้พักอาศัยระดับพรีเมียมให้เข้ามาในพื้นที่เดียวกัน ด้วยการออกแบบให้ “เปิดรับเมือง” ไม่ได้จำกัดการเข้าถึงเฉพาะลูกค้าในพื้นที่เอกชน แต่เปิดให้คนทั่วไปสามารถใช้งานได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับย่าน และช่วยกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ร้านค้า คาเฟ่ โรงแรม และสำนักงานที่อยู่รอบสวน ต่างได้ประโยชน์จากปริมาณคนที่เข้ามาใช้พื้นที่ ทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง สวนกลางเมืองจึงกลายเป็น “แม่เหล็ก” ดึงดูดทั้งคนและเงินในเวลาเดียวกัน

เมืองยุคใหม่ต้องคิดแบบ “Green Economy”
ในอดีต เมืองมักมองพื้นที่สีเขียวเป็น “ต้นทุน” ที่ลดพื้นที่ขาย แต่ในโลกปัจจุบันซึ่งผู้คนให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม การมีพื้นที่สีเขียวมากขึ้นกลับกลายเป็น “ปัจจัยบวกทางการตลาด” ที่ยกระดับมูลค่าอสังหาฯ อย่างมหาศาล ในกรณีของโอซาก้าแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การลงทุนในพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง ไม่ได้แค่ช่วยลดความร้อนหรือเพิ่มความน่าอยู่ แต่ยังสร้าง “มูลค่ าเชิงจิตวิทยา” และ “ความแตกต่างทางเศรษฐกิจ” ที่คู่แข่งไม่สามารถลอกเลียนได้
Grand Green Osaka คือบทเรียนสำคัญของการพัฒนาเมืองยุคใหม่ที่ผสาน ผังเมือง สถาปัตยกรรม และเศรษฐศาสตร์ของความยั่งยืน เข้าด้วยกันอย่างลงตัว ในมุมมองของนักลงทุน นี่คือการยืนยันว่า การสร้างพื้นที่สีเขียวในพื้นที่เศรษฐกิจ ไม่ใช่การเสียโอกาส แต่คือการสร้างทุนในระยะยาว เพราะเมืองที่น่าอยู่ คือเมืองที่ดึงดูดคน และเมื่อผู้คนเลือกอยู่ เศรษฐกิจก็เติบโต วัฏจักรของการพัฒนาเมืองจึงเริ่มต้นจา กสิ่งง่ายๆ ที่เรียกว่า “สวนกลางเมือง”

หากมองในภาพใหญ่ Grand Green Osaka คือสัญลักษณ์ของ “ยุทธศาสตร์การลงทุนแบบใหม่” ที่เมืองใหญ่ทั่วโลกกำลังมุ่งไป
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
https://mice.osaka-info.jp/en/whyosaka/news/2024/grand-green-osaka-opening.php
https://archello.com/project/grand-green-osaka
https://www.facebook.com/share/r/1QDjJaJMr7/
https://urbancreature.co/grand-green-osaka/
https://www.obayashi.co.jp/en/works/detail/work_2877.html