top of page
Clip path group
Clip path group

ขับเคลื่อนความยั่งยืนเมืองแห่งอนาคต ด้วยความร่วมมือจากภาครัฐ เอกชน และภาคการเงิน | Planet Shift 2025

ต.ค. 13

ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

2

5

0


Sufficiency in City Development: Private & Public Sectors Undertaking

จากบทความก่อนหน้า “Planet Shift 2025: Navigating The Crisis Towards The City Of The Future (ฝ่าวิกฤตสู่เมืองแห่งอนาคต)” เราได้เห็นวิสัยทัศน์การพัฒนาเมืองในยุคเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งมุ่งเน้นการ “ปรับตัว” ของเมืองให้พร้อมรับมือวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม


บทความนี้ LAD จะพามาถอดแนวคิด “Sufficiency in City Development” หรือ “การพัฒนาเมืองอย่างพอเพียงและยั่งยืน” จากเวทีเสวนา PLANET SHIFT 2025 ที่รวมผู้นำจาก 3 ภาคส่วนสำคัญของการขับเคลื่อนเมือง ได้แก่

  • คุณพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

  • คุณอุรเสฏฐ นาวานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน โครงการ วัน แบงค็อก (One Bangkok)

  • ดร.จิระวัฒน์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)


การเสวนานี้สะท้อนให้เห็นว่า “ความยั่งยืนของเมือง (Urban Sustainability)” ไม่ใช่เพียงเรื่องของนโยบาย แต่คือ ความร่วมมือของทุกภาคส่วน ในการออกแบบอนาคตเมืองอย่างพอเพียง มีภูมิคุ้มกัน และสอดคล้องกับบริบทไทย        



การขับเคลื่อนเมืองสีเขียวโดยภาครัฐ

คุณพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้กล่าวถึงทิศทางการพัฒนาเมืองของกรุงเทพมหานครภายใต้นโยบายที่ยึด “สิ่งแวดล้อมเป็นหัวใจหลัก” พร้อมแนวทางดำเนินการสำคัญ 2 ด้าน คือ

  1. การเพิ่มพื้นที่สีเขียวอย่างทั่วถึง – ผ่านโครงการ “สวน 15 นาที” ซึ่งตั้งเป้าให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสวนสาธารณะที่มีคุณภาพได้ภายในระยะทางไม่เกิน 800 เมตรจากบ้าน หรือใช้เวลาเดินไม่เกิน 15 นาที แนวคิดนี้ไม่เพียงช่วยให้คนเมืองมีพื้นที่พักผ่อนที่ใกล้บ้าน แต่ยังช่วยลดความจำเป็นในการเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมือง ลดปัญหาการจราจร และสร้างสมดุลระหว่างชีวิตคนเมืองกับธรรมชาติ

  2. การลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและจัดการขยะอย่างยั่งยืน – กรุงเทพมหานครมุ่งปรับระบบการบริหารจัดการขยะให้สอดคล้องกับหลัก เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยสนับสนุนการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง มองขยะเป็น “ทรัพยากรที่มีมูลค่า” ไม่ว่าจะเป็นเศษอาหารที่นำไปผลิตปุ๋ยอินทรีย์ ขยะรีไซเคิลที่กลับมาใช้ใหม่ได้ หรือขยะที่สามารถเปลี่ยนเป็นพลังงานสะอาด ทั้งนี้ ความสำเร็จของแนวทางดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชน

 

 

ภาคเอกชนกับบทบาทการลงทุนอย่างพอเพียง

คุณอุรเสฏฐ นาวานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุน โครงการ วัน แบงค็อก (One Bangkok) ได้กล่าวถึงแนวทางการพัฒนาเมืองในมิติของภาคเอกชน โดยยกตัวอย่างโครงการ วัน แบงค็อก ซึ่งถือเป็นต้นแบบของการลงทุนสีเขียวที่ผสาน “ความพอเพียง” เข้ากับ “ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม”

คุณอุรเสฏฐ อธิบายว่า แม้โครงการสีเขียวจะมีต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่าโครงการทั่วไป แต่ในระยะยาวกลับให้ผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนกว่า เนื่องจากมีผลลัพธ์เชิงบวกหลายด้าน ได้แก่

  • ลดต้นทุนการดำเนินงาน – การใช้เทคโนโลยีเพื่อประหยัดพลังงานและระบบรีไซเคิลน้ำช่วยลดค่าใช้จ่ายระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ

  • เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน – อาคารที่ผ่านมาตรฐานอาคารเขียว (Green Building) เป็นที่ต้องการของบริษัทระดับโลกที่ให้ความสำคัญกับ ESG (Environment, Social, Governance)

  • เข้าถึงแหล่งทุนได้ง่ายขึ้น – โครงการที่ดำเนินตามแนวทางยั่งยืนมีโอกาสสูงในการได้รับสินเชื่อสีเขียว (Green Loan)ซึ่งเป็นการสนับสนุนที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ร่วมกัน

     

คุณอุรเสฏฐเน้นย้ำว่า สำหรับภาคเอกชนในปัจจุบัน “การลงทุนสีเขียวไม่ใช่ตัวเลือก แต่คือความจำเป็น” ที่ต้องทำเพื่อความอยู่รอดในตลาดและเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในระยะยาว

 

 

กลไกทางการเงินเพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืน

ดร.จิระวัฒน์ ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงบทบาทของสถาบันการเงินในฐานะกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว โดยชี้ให้เห็นว่า ธนาคารไม่ได้เป็นเพียงผู้ให้เงินทุนเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง

ผ่านเครื่องมือทางการเงินอย่าง สินเชื่อสีเขียว (Green Loan) ธนาคารสามารถส่งเสริมให้ภาคธุรกิจลงทุนในโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งไม่เพียงช่วยลดการปล่อยคาร์บอนในภาพรวม แต่ยังลดความเสี่ยงในการดำเนินงานของโครงการทำให้ธุรกิจมีความมั่นคงมากขึ้น ขณะเดียวกันธนาคารเองก็สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อม (Indirect Emissions) ขององค์กรได้อีกด้วย

 


กลไกความร่วมมือสู่เมืองแห่งความพอเพียงที่แท้จริง

จากการเสวนาเห็นชัดเจนว่า การพัฒนาเมืองต้องมองแบบองค์รวม (Holistic Approach) ไม่ใช่เพียงการเพิ่มพื้นที่สีเขียว แต่รวมถึงการปรับปรุงทางเท้า first mile – last mile การพัฒนาศักยภาพคน และการจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อ สุขภาพ การศึกษา และคุณภาพชีวิตของประชาชน 


การพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนจึงต้องสร้างผลประโยชน์และคุณภาพชีวิตอย่างเท่าเทียม ให้เข้าถึงทุกคน ไม่จำกัดเพียงบางกลุ่ม แนวคิดความพอเพียง ในระดับเมืองจึงไม่ได้หมายถึงแค่ความสมดุลในการพัฒนา แต่ยังรวมถึงการสร้าง "ภูมิคุ้มกันสังคม"ให้ผู้คนสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการเดินหน้าสู่เป้าหมายนี้จึงจำเป็นต้องอาศัยทั้งการปรับพฤติกรรมของประชาชน นโยบายที่เปิดกว้างของ ภาครัฐและการสนับสนุนจาก ภาคเอกชนและสถาบันการเงิน เมื่อทุกภาคส่วนทำงานร่วมกันในทิศทางเดียวกัน เมืองจะสามารถเติบโตอย่างมีส่วนร่วม มีภูมิคุ้มกันต่อความเปลี่ยนแปลง และก้าวไปสู่สังคมแห่งความยั่งยืนอย่างแท้จริง

 


LAD ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์และการพัฒนาเมือง เชื่อมั่นในพลังของ “ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” ที่เป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนเมืองอย่างยั่งยืน เราให้การสนับสนุนและคำปรึกษาอย่างรอบด้าน พร้อมทำหน้าที่เป็น “ตัวเชื่อม” ระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือที่นำไปสู่การพัฒนาเมืองอย่างสมดุล ยั่งยืน และมีคุณค่าในระยะยาว


อ่านบทความตอนที่ 1 ได้ที่ : https://www.lad.co.th/post/planet-shift-2025-พลิกวิกฤตอสังหาริมทรัพย์-สู่เมืองยั่งยืนแห่งอนาคต


ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :

https://www.sustainabilityexpo.com/sx2025/en/news_details/868

https://www.facebook.com/share/p/1TTheYhRc9/

https://prop2morrow.com/852271/

https://www.khaosodenglish.com/sponsored/2025/10/04/youssef-nassef-resilience-is-about-designing-the-future/

https://www.onebangkok.com/en/green-and-open-spaces/

https://www.bangkokbanksme.com/en/8sme3-guidelines-for-green-loans

https://www.facebook.com/share/p/17E9jsqEYL/

https://greener.bangkok.go.th/green-space/15-minute-garden/

ต.ค. 13

ใช้เวลาอ่าน 1 นาที

2

5

0

โพสต์ที่คล้ายกัน

ความคิดเห็น

แชร์ความคิดเห็นของคุณเชิญแสดงความคิดเห็น คุณคือคนแรกที่แสดงความคิดเห็นที่นี่
bottom of page