
“เลี้ยวผิด ชีวิตเปลี่ยน” : บางใหญ่-กาญจนบุรี — Google Maps พาขึ้น M81 ไม่มีทางกลับ!
9 ชั่วโมงที่แล้ว
2 min read
0
0
0

จากไวรัล “Google Maps พาขึ้น M81” ถึงการถอดบทเรียนพื้นฐานการออกแบบป้ายนำทางบนทางหลวงไทย
กำลังเป็นกระแสในโลกออนไลน์ จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ที่เพจ “เรารักด่านตรวจ” เผยโพสต์ของผู้ใช้รายหนึ่งที่ระบุว่า “สิ่งที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นแล้ว เซ็นทรัล เวสต์เกต ต้องเลี้ยวซ้าย แต่ Google Maps บอกให้เลี้ยวขวา แล้วพาขึ้น M81 ไปกาญจนบุรีแบบไม่มีทางลง ขับไปร้องไห้ไป” โพสต์ดังกล่าวกลายเป็นไวรัล มีผู้ร่วมแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก หลายคนแชร์ประสบการณ์คล้ายกันว่าเคยขับผิดเส้นเพราะความสับสนของป้ายบอกทางหรือระบบนำทางดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้อาจกำลังสะท้อนถึงปัญหาพื้นฐานของระบบป้ายนำทาง (Wayfinding System) ของไทยโดยรวม
วันนี้ LAD ชวนมาทบทวน “การออกแบบป้ายนำทาง” ซึ่งเป็นศาสตร์ที่มีหลักเกณฑ์ชัดเจน อ้างอิงจากมาตรฐานของกรมทางหลวง (DOH) และแนวทางสากล พร้อมตั้งคำถามถึง จุดอ่อนที่ควรปรับปรุง และเสนอ แนวทางพัฒนาที่ประเทศไทยควรเร่งดำเนินการ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของระบบนำทางในเมืองให้ดียิ่งขึ้น

ปัญหาการนำทางสู่มอเตอร์เวย์ M81 (สายบางใหญ่–กาญจนบุรี)
มอเตอร์เวย์สายนี้มีระยะทางราว 96 กิโลเมตร เชื่อมต่อกรุงเทพฯ กับกาญจนบุรี โดยมีจุดขึ้น–ลงจำกัดและห่างกันมาก ทำให้ผู้ที่เลี้ยวผิดไม่สามารถกลับรถได้ในระยะสั้น จึงเป็นเหตุให้ผู้ขับขี่ที่พลาดทางเข้าหรือออก ต้องขับต่อไปอีกหลายสิบกิโลเมตรก่อนถึงจุดกลับรถ
กรมทางหลวงได้เร่งดำเนินมาตรการแก้ไข ดังนี้
1. ปรับปรุงป้ายและสัญลักษณ์จราจร เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถแยกเส้นทางระหว่างผู้ที่ต้องการใช้มอเตอร์เวย์กับผู้ที่เดินทางไปยังจุดหมายอื่นได้ถูกต้อง
เร่งติดตั้ง ป้ายแนะนำทาง ป้ายเตือน และเครื่องหมายจราจรบนพื้นผิวถนน ให้ชัดเจนและโดดเด่นขึ้น
ให้ความสำคัญกับ จุดเข้า–ออกและจุดเชื่อมต่อสำคัญ เช่น บริเวณบางใหญ่ (ถนนรัตนาธิเบศร์)
2. ประสานงานกับผู้ให้บริการแอปพลิเคชันนำทางออนไลน์ เพื่อลดความคลาดเคลื่อนระหว่างข้อมูลทางกายภาพและระบบดิจิทัล เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ทาง
ตรวจสอบและอัปเดตข้อมูล จุดขึ้น–ลง ด่าน และวัน–เวลาที่เปิดปิด
แจ้งข้อจำกัดการใช้เส้นทางในช่วงทดลองวิ่ง
3. แนวทางสำหรับผู้ที่ขับรถหลงเข้า M81
แนะนำให้ออกที่ ด่านนครชัยศรี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที
เข้าสู่ ถนนทางหลวงหมายเลข 3233 แล้วกลับรถเข้าสู่ M81 ฝั่งมุ่งหน้าบางใหญ่

6 แนวทางพื้นฐานการออกแบบป้ายนำทางบนทางหลวง (Highway Guide Sign Design Principles)
พื้นฐานการอ อกแบบป้ายนำทางบนทางหลวงเป็นเรื่องที่มีหลักวิชาชัดเจนและใช้กันทั่วโลก โดยอ้างอิงจากมาตรฐานของ กรมทางหลวง (ประเทศไทย) และแนวทางสากล เช่น Manual on Uniform Traffic Control Devices (MUTCD) ของสหรัฐฯ หรือสหราชอาณาจักร และเยอรมนี อาทิ
หลักการชี้นำ (Guidance Principle)
จุดประสงค์หลักของ “ป้ายนำทาง” คือ ช่วยให้ผู้ขับตัดสินใจล่วงหน้าได้อย่างปลอดภัย
ป้ายต้องแสดงข้อมูล เส้นทาง จุดหมาย และระยะทางล่วงหน้า อย่างชัดเจน
ป้ายควรมีลำดับชัดเจน ได้แก่ ป้ายเตือนล่วงหน้า ป้ายยืนยัน และป้ายแสดงจุดออก ตามลำดับเช่น “อีก 2 กม. ถึง ทางออกนครชัยศรี” “ทางออกนครชัยศรี 1 กม.” “← ทางออก นครชัยศรี”
ความชัดเจนในการอ่าน (Legibility & Visibility)
ใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่เพียงพอ (ขึ้นอยู่กับความเร็วเฉลี่ยของทาง เช่น 100–120 กม./ชม.)
ตัวอักษรควรใช้ ที่อ่านชัดแม้จากระยะไกล
พื้นหลังสีเขียว (สำหรับป้ายนำทางบนทางหลวง) ตัวอักษรสีขาว เพื่อให้มี คอนทราสต์สูงสุด
ใช้วัสดุสะท้อนแสง เพื่อมองเห็นชัดในเวลากลางคืน
การจัดวางข้อมูล (Information Hierarchy)
ข้อมูลสำคัญที่สุด เช่น “ชื่อเมือง/จุดหมายหลัก” อยู่บรรทัดบนสุด
ชื่อเส้นทาง (เช่น M81, AH2, ทล.9) อยู่ตำแหน่งสม่ำเสมอ
ไม่ควรใส่ข้อมูลเกิน 3 จุดหมายต่อป้าย (เพื่อลดภาระการมองของผู้ขับ)
ใช้ลูกศรบอกทิศทาง ที่ตำแหน่งสัมพันธ์กับช่องทางจริง
ระยะติดตั้งและลำดับการมองเห็น (Placement & Sequence)
ป้ายเตือนล่วงหน้า: 2 กม. / 1 กม. ก่อนทางออก
ป้ายที่จุดออก: ติดตรงช่องออกหรือเหนือเลน
ป้ายยืนยันหลังทางออก: ติดห่างออกไป 100–200 ม. เพื่อย้ำว่ามาถูกทางแล้ว
ความต่อเนื่องของข้อมูล (Consistency)
ป้ายทุกป้ายต้อง ใช้ชื่อ จุดหมาย ทิศทาง และสัญลักษณ์ตรงกันตลอดเส้นทาง
ป้องกันความสับสน เช่น ถ้าป้ายก่อนหน้านี้เขียน “ไปกาญจนบุรี” ป้ายต่อมาต้องไม่เปลี่ยนเป็น “ไปท่าม่วง” ทันที
ชื่อทางหลวง ต้องปรากฏสม่ำเสมอในทุกป้ายของเส้นทางเดียวกัน
ความเข้าใจเชิงจิตวิทยาผู้ขับ (Human Factors)
ผู้ขับขี่มีเวลาตัดสินใจเฉลี่ยเพียง 6–8 วินาที เมื่อเห็นป้ายครั้งแรก ดังนั้นข้อความต้อง สั้น อ่านง่าย และสื่อสารตรงประเด็น
ป้ายที่มีหลายบรรทัดหรือตัวอักษรเล็กเกินไป จะเพิ่มภาระทางสมอง (cognitive load)และอาจทำให้เกิดการเลี้ยวผิด

ข้อเสนอแนะแนวทางพัฒนาสำหรับไทย
เพิ่มความต่อเนื่องของป้ายและข้อมูล (consistency) : ใช้ชื่อจุดหมายและรหัสทางเดียวกันตลอดเส้นทางโดยไม่เปลี่ยนกลางทาง เพื่อสร้างความชัดเจนและลดความสับสน อาจพิจารณาจัดทำนโยบาย “Master Naming & Route Registry” เพื่อสร้างฐานข้อมูลกลางกำหนดชื่อจุดหมาย รหัสเส้นทาง และคำย่อที่อนุญาตให้ใช้บนป้าย ให้บังคับใช้ร่วมกันในทุกเมือง
ปรับรูปแบบป้ายให้เข้าใจง่ายในมุมมองผู้ขับ (Human-Centered Design): ทำการ user testing เช่น จำลองการขับ (driving simulator / sign simulator) และการติดตามการมอง (eye-tracking) รวมถึงการทดสอบเวลาอ่านและตัดสินใจ (recognition/decision time) เพื่อเปรียบเทียบตัวเลือกฟอนต์ ขนาดข้อความ และการจัดวางป้าย ทำให้ผู้ขับสามารถเข้าใจและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว
บูรณาการกับระบบนำทางดิจิทัล : จัดทำ Sign Inventory แบบ GIS-based โดยสำรวจและลงทะเบียนป้ายทุกชิ้น เพื่อเป็นแหล่งอ้างอิงเดียว สำหรับการอัปเดตทั้งทางกายภาพและส่งต่อไปยังผู้ให้บริการแผนที่ดิจิทัล เช่น Google Maps, GPS, ITS
พิจารณาใช้แผนภาพทางแยก (Diagrammatic Signs) ในจุดเชื่อมที่ซับซ้อน : สำหรับทางแยกหรือพื้นที่ที่ผู้ขับสับสนสูง การใช้ภาพแผนภาพเส้นทาง (diagrammatic signs) แบบสหราชอาณาจักร อาจช่วยให้ผู้ขับ “เห็นภาพรวมเส้นทาง” เข้าใจโครงสร้างถนน และตัดสินใ จได้เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับข้อความล้วน
ออกแบบป้ายต้นแบบ (prototype signage) ในโครงการนำร่อง : เริ่มจากการออกแบบและทดสอบในห้องปฏิบัติการ (Design & Lab Test) ด้วย driving simulator และ eye-tracking เพื่อประเมินการอ่านและการตัดสินใจ ก่อนติดตั้งป้ายต้นแบบแบบชั่วคราวในพื้นที่จริง (Field Pilot) เช่น ทางเข้า–ออก M81 เพื่อเก็บข้อมูลอัตราการเลี้ยวผิดและความพึงพอใจของผู้ใช้ ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนประเมินผลและปรับปรุง (Evaluation & Refinement) เพื่อเลือกแบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แนวทางนี้ช่วยให้การลงทุนด้านป้ายจราจรมีหลักฐาน เชิงประจักษ์ ลดความเสี่ยงจากการใช้งบประมาณในการลงทุนป้ายที่ยังมีช่องว่างทั่วประเทศ

เหตุการณ์ “เลี้ยวผิด ชีวิตเปลี่ยน” ที่บางใหญ่-กาญจนบุรี สะท้อนให้เห็นว่า การจัดการระบบนำทางแบบบูรณาการ — ทั้งป้ายจริงและข้อมูลดิจิทัล — คือหัวใจของความปลอดภัยและประสบการณ์เดินทางของผู้ใช้ทาง การออกแบบป้ายที่เข้าใจง่าย สื่อสารตรง และต่อเนื่อง จะช่วยลดความสับสน สร้างความมั่นใจ และยกระดับมาตรฐานถนนไทยสู่ระดับสากล การปรับปรุงมาตรฐานของป้ายนำทางที่อ้างอิงจากปัญหา และพฤติกรรมจริงจากู้ใช้งาน จึงเป็นเรื่องจำเป็น ควบคู่กับการวางแผนโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอัจฉริยะ (Smart City Infrastructure) ที่เชื่อมต่อระบบถนนและผู้ใช้ทางอย่างมีประสิทธิภาพ
💡 พื้นที่ร่วมแชร์ : แล้วท่านล่ะ เคยเจอปัญหาการเลี้ยวผิด หรือสับสนกับป้ายจราจรหรือระบบนำทางดิจิทัลบ้างไหม? แชร์ประสบการณ์หรือความคิดเห็นของท่าน เราจะได้ร่วมกันหาวิธีเสนอปรับปรุงและพัฒนาระบบป้ายนำทางร่วมกัน

การติดต่อและสอบถามกรมทางหลวง (DOH)
กรมทางหลวงยืนยันว่ากำลังดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อ สื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องและอัปเดตอย่างต่อเนื่อง
ศึกษาข้อมูลจุดเข้า–ออกช่วงทดลองใช้งานจากข้อมูลทางการของกรมทางหลวงก่อนเดินทาง
ช่องทางสอบถามและแจ้งปัญหา:
สายด่วนกรมทางหลวง: ☎️ 1586 (โทรฟรีตลอด 24 ชั่วโมง)
ศูนย์บริการข้อมูลทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway Call Center): โทร. 1586 กด 7
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :
MUTCD (USA): Chapter 2E – Guide Signs on Freeways
กรมทางหลวง (DOH): มาตรฐานการติดตั้งป้ายจราจร พ.ศ. 2559
AASHTO Green Book: Guidelines for highway geometric design
https://www.naewna.com/likesara/918857
https://www.naewna.com/business/918979
https://www.facebook.com/share/p/174yMN4eWr/
https://doi.org/10.18757/ejtir.2015.15.2.3068
https://www.itsdigest.com/fhwa-releases-new-traffic-control-device-manual