
ทำไมญี่ปุ่นถึงสร้าง Soft Power ได้เก่งที่สุดในโลก? : เปิดสูตรลับ “ประเพณีประดิษฐ์” + มังงะ–อนิเมะ และบทเรียนสำคัญสำหรับการพัฒนาเมืองในประเทศไทย
พ.ย. 25
2 min read
0
1
0

วันนี้ LAD มีโอกาสถอดบทเรียนจากการบรรยาย Architecture & Design for Society Lecture Series ประจำปีการศึกษา 2568 ในหัวข้อ Mascot, Invented Tradition, and Pop-Culture Tourism: Learning from Japanese Cases in Creating New Cultural Values for Cities and Regionsโดย คุณอรรถ บุนนาค ผู้เชี่ยวชาญด้านญี่ปุ่นศึกษาและวัฒนธรรมร่วมสมัยของเอเชียตะวันออก ซึ่งได้พาผู้ฟังสำรวจ “พลังของการสร้างสรรค์วัฒนธรรมใหม่” ในโลกที่อัตลักษณ์ท้องถิ่นและเมืองต้องแข่งขันกันในเวทีโลกมากขึ้นทุกวัน
Invented Tradition คืออะไร — และทำไมญี่ปุ่นถึงทำได้ดีที่สุดในโลก
แนวคิด “ประเพณีประดิษฐ์” (Invented Tradition) จากนักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ Eric Hobsbawm ชี้ให้เห็นว่าประเพณีหลายอย่างที่สังคม คิดว่าเก่าแก่ดั้งเดิม แท้จริงแล้วเกิดจากการ “สร้างขึ้นใหม่” ในยุคสมัยใหม่ เพื่อทำหน้าที่ดังนี้
สร้างความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวทางวัฒนธรรม
ผลิตความเป็นชาติ และสร้างจินตภาพร่วมของสังคม
รองรับการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เศรษฐกิจ และเมืองยุคใหม่
ญี่ปุ่นคือหนึ่งในประเทศที่ใช้โมเดลนี้ได้ “ทรงพลังและแนบเนียนที่สุด” เพราะสามารถผสานประเพณี–สัญลักษณ์–ตัวละคร–พิธีกรรม ให้กลายเป็น สินทรัพย์ทางวัฒนธรรม (Cultural Asset) ที่ต่อยอดสู่คำที่ได้ยินกันบ่อยๆ อย่าง Soft Power ท ี่ส่งผลเกี่ยวข้องโดยตรงต่อการท่องเที่ยว และมูลค่าทางเศรษฐกิจจำนวนมหาศาล

มังงะ–อนิเมะ: รากฐานของ Pop Culture ญี่ปุ่น
อีกหนึ่ง “ประเพณีร่วมสมัย” ที่ญี่ปุ่นประดิษฐ์สำเร็จ คือระบบ มังงะ–อนิเมะ ที่ถูกปั้นให้เป็นอุตสาหกรรมใหญ่ระดับโลก ผ่านผลงานต้นแบบอย่าง
เจ้าหญิงอัศวิน (Princess Knight) โดย Osamu Tezuka ไม่ใช่แค่เรื่องเล่าผ่านลายเส้น แต่คือ สถาปัตยกรรมทางวัฒน ธรรม ที่สร้างฐานความงามแบบใหม่ให้สังคมญี่ปุ่น ประกอบด้วยภาษาภาพที่เต็มไปด้วยดอกไม้ เงา และอารมณ์ละเอียด การเล่าเรื่องเพศสภาพที่หลากหลาย (gender play) และตัวละครหญิงที่แข็งแรง หลุดจากกรอบเดิมของวรรณกรรมญี่ปุ่นก่อนหน้า
สิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นแกนกลางของโชโจมังงะ และส่งอิทธิพลโดยตรงต่ออนิเมะ/มังงะยุคหลัง เช่น Sailor Moon, Revolutionary Girl Utena รวมถึง character design ของงานผู้หญิงทั้งหมดในปัจจุบัน

กุหลาบแวร์ซาย (The Rose of Versaille) โดย Riyoko Ikeda คือผลงานที่ปฏิวัติโลกมังงะผู้หญิงในยุค 1970 อย่างแท้จริง โดยนำประวัติศาสตร์ยุโรป—ราชวงศ์ฝรั่งเศส—กลับมาสร้างใหม่ให้เข้ากับรสนิยมของสังคมญี่ปุ่น เป็นผลงานที่ทำให้ความงดงามแบบยุโรป (European aesthetics) แพร่หลายไปทั่วประเทศ กระตุ้นความสนใจเรื่องแฟชั่น ภาพลักษณ์ และความโรแมนซ์แบบข้ามวัฒนธรรม สร้างความนิยมประวัติศาสตร์ยุโรปในหมู่คนญี่ปุ่น กระทั่งกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับชาติเมื่อถูกดัดแปลงเป็นละครทาคาราสุกะในปี 1974 ยิ่งทำให้เกิด “วัฒนธรรมผสมผสาน” ที่ทรงอิทธิพลระดับชาติ
ผลลัพธ์คือ landscape ใหม่ของการออกแบบตัวละครญี่ปุ่น—ดวงตากลมโต ความงามแบบฟุ้งฝัน ที่กลายเป็นมาตรฐานของอนิเมะญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน

จากลายเส้นสู่เมือง: เมื่อ Pop Culture กลายเป็น Soft Power และเครื่องยนต์ท่องเที่ยว
ทั้ง Princess Knight และ The Rose of Versailles ได้สร้าง “สุนทรียะร่วมสมัยของญี่ปุ่น” ที่ต่อยอดออกไปเป็นวัฒนธรรมย่อยจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น
character design
idol culture
แฟชั่น & เครื่องสำอาง
fan culture / event culture
การตามรอยสถานที่จริงของอนิเมะ (Seichi Junrei)
การพัฒนาเมืองผ่านธีมอนิเมะ
ทั้งหมดนี้เป็นผลลัพธ์ของ ประเพณีที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นในยุคใหม่แต่ได้รับการทำซ้ำ ยืนยัน ทำให้ต่อเนื่อง จนกลายเป็น “ความดั้งเดิมทางวัฒนธรรม” ที่ผู้คนรู้สึกร่วมเหมือนมันมีอยู่มาตลอด

ญี่ปุ่น กับโมเดลสร้างวัฒนธรรมใหม่อย่างมียุทธศาสตร์
ญี่ปุ่น คือหนึ่งในประเทศที่ใช้โมเดล “ประเพณีประดิษฐ์” ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดในโลก ทั้งเพื่อต่อยอดวัฒนธรรม สร้างเศรษฐกิจท้องถิ่น และฟื้นฟูเมืองในยุคอุตสาหกรรมและยุคสมัยใหม่ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1. Takarazuka Revue: ประเพณีประดิษฐ์ ที่จุดไฟให้เมือง และสร้างอุตสาหกรรมการแสดงทั้งระบบ
หากพูดถึงคณะละครที่ทรงอิทธิพลที่สุดของญี่ปุ่นในศตวรรษที่ผ่านมาชื่อที่ไม่มีใครลืมได้คือ Takarazuka Revue — คณะละครหญิงล้วนที่ถือกำ เนิดขึ้นในปี 1913 แต่สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ การถือกำเนิดของทาคาราสุกะ ไม่ได้เริ่มจากเหตุผลด้านศิลปะ หากเริ่มจาก “ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมือง” เพื่อรองรับพื้นที่Transit-Oriented Development (TOD) ของบริษัท Hankyu Railway ผู้ก่อตั้งต้องการสร้างแม่เหล็กในการดึงผู้โดยสารเข้ามาใช้พื้นที่รอบสถานีรถไฟและฟื้นฟูเมืองให้มีชีวิตชีวา ทาคาราสุกะสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ทั้งการผสมผสานการแสดงตะวันตก–ญี่ปุ่น ความหรูหรา และลีลาที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก และการออกแบบบทบาทอันโด่งดังอย่าง
Otokoyaku — ผู้หญิงที่แสดงเป็นบทชาย
Musumeyaku — ผู้หญิงที่รับบทผู้หญิงโดยเฉพาะ
ทั้งหมดนี้คือการออกแบบวัฒนธรรมให้ดูเหมือนมีรากเหง้า ทั้งที่ในความจริง มันคือวัฒนธรรมใหม่ที่เพิ่งถูกสร้างขึ้น แต่ความใหม่ที่ “ดูเหมือนเก่า” นี้เอง ทำให้ทาคาราสุกะถูกยอมรับในฐานะประเพณีร่วมสมัยของญี่ปุ่นที่เติบโตไปพร้อมศตวรรษที่ 20 และกลายเป็นกรณีศึกษาเชิงนโยบายวัฒนธรรมว่า “ประเพณีใหม่” สามารถสร้างเมือง เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และ soft power ได้อย่างแท้จริง

2. เกาะฮาชิมะ: ความทรงจำเมืองร้างที่กลายเป็นทุนวัฒนธรรม
เกาะฮาชิมะ (Hashima Island) หรือ “กุงกันจิมะ” แม้จะเป็นพื้นที่เสื่อมโทรมหลังอุตสาหกรรมเหมืองถ่านหินปิดตัว แต่ญี่ปุ่นกลับใช้แนวคิดการจัดการความทรงจำ (Memoryscape) และการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น แปรสภาพเกาะร้างให้เป็นพื้นที่เรียนรู้ประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมและแรงงาน
ในเวลาเดียวกัน ความสลับซับซ้อนทางอารมณ์และภาพลักษณ์ดิสโทเปีย ทำให้เกาะถูกใช้เป็นแรงบันดาลใจในภาพยนตร์ เกมส์ดัง เช่น Skyfall, Attack on Titan, Nioh จนกลายเป็น พื้นที่ Pop Culture Tourism ไปโดยปริยาย

บทเรียนใหญ่จากญี่ปุ่น: วัฒนธรรมใหม่สามารถสร้างเศรษฐกิจได้
กรณีข้างต้นทั้งหมดพิสูจน์ว่า “ประเพณีประดิษฐ์” เมื่อออกแบบมาอย่างดีจะสามารถกลายเป็นทุนวัฒนธรรมระดับประเทศได้และญี่ปุ่นใช้กลยุทธ์นี้มาอย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น คาแรคเตอร์ระดับโลก เช่น Hello Kitty สินค้าท้องถิ่นแบบ Gotōchi ที่สร้างความเฉพาะพื้นที่ การท่องเที่ยวตามรอยคอนเทนต์ (Seichi Junrei) หรือมาสคอตท้องถิ่น เช่น คุมะมง ของจังหวัดคุมาโมโตะ

ไทยกับพลัง Soft Power แบบใหม่: จาก Y Series ถึง “นมชมพู–ยาดม” และหมีเนย
หากย้อน กลับมามองที่ไทย ซึ่งกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่วัฒนธรรมร่วมสมัยเริ่มมีน้ำหนักทางเศรษฐกิจไม่แพ้ญี่ปุ่นในยุค 1990–2000 ผ่านปรากฏการณ์ อาทิ
ซีรีส์วายไทย (Thai BL)
• เป็นสินค้าส่งออกทางวัฒนธรรมที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในญี่ปุ่นและเอเชีย
• ทำให้เกิดกระแส “ตามรอยซีรีส์” (ไทยเวอร์ชัน Seichi Junrei)
• สร้างรายได้ให้ร้านอา หาร โรงแรม คาเฟ่ และพื้นที่ถ่ายทำ
ของใช้ธรรมดาที่กลายเป็นสัญลักษณ์ไทย
• “นมชมพู–ยาดม” กลายเป็น souvenir ที่คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติซื้อเป็นของฝาก นี่คือ Gotōchi Model เวอร์ชันไทยที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ
คาแรคเตอร์พื้นถิ่นและ Soft Power แบบไทย: “หมีเนย”
หมีเนย คือคาแรคเตอร์ออนไลน์–ดิจิทัล–มีไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย ที่พัฒนาจากความนิยมของแฟนคลับให้เติบโตสู่การเป็นผลิตภัณฑ์, สติ๊กเกอร์ไลน์, ของสะสม และสื่อบันเทิง หมีเนยมีคุณสมบัติแบบ Soft Power ที่สำคัญ:
• เข้าถึงง่าย เป็นมิตร และสะท้อนความอบอุ่นแบบไทย
• แพร่ไวในรูปแบบ meme, GIF และสติกเกอร์
• ขยายไปสู่งานศิลปะและสินค้าท้องถิ่นได้
• มี potential แบบเดียวกับมาสคอตคุมะมง
บทเรียนจากญี่ปุ่น: Soft Power ต้องมีการบริหารจัดการ
อย่างไรก็ตาม แม้ญี่ปุ่นจะประสบความสำเร็จ แต่ก็พบปัญหา เช่น
• Overtourism จากการตามรอยอนิเมะ
• นโยบาย Cool Japan ที่ใช้งบประมาณสูงแต่ประเมินผลยาก
• การเมืองวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ไม่สอดประสานกัน
นี่คือบทเรียนให้ไทยมองเห็นว่าการสร้าง Soft Power ไม่ใช่แค่ผลิตคอนเทนต์ แต่ต้องวางโครงสร้างพื้นฐานทางนโยบาย เมือง และการท่องเที่ยวควบคู่กัน

วัฒนธรรมใหม่คือพลังเศรษฐกิจของอนาคต
บทเรียนจากญี่ปุ่นทำให้เห็นชัดว่า เมืองสามารถสร้างอัตลักษณ์ ใหม่และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ได้ แม้ไม่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เพียงออกแบบวัฒนธรรมร่วมสมัย อาทิ มาสคอต เทศกาล เรื่องเล่า หรือสินค้าท้องถิ่น ให้เชื่อมผู้คนและสะท้อนตัวตนพื้นที่ แต่หัวใจสำคัญที่ทำให้สำเร็จไม่ใช่แค่คอนเทนต์หรือความน่ารักของคาแรคเตอร์ หากคือ ยุทธศาสตร์เมืองที่ชัดเจน การวางแผนเชิงระบบ และความร่วมมือระหว่างรัฐ–เอกชน–ชุมชน ที่ทำให้พลังวัฒนธรรมถูกต่อยอดเป็น Soft Power อย่างยั่งยืน ประสบการณ์ของไทยพิสูจน์แล้วว่าเรามีต้นทุนความนิยมและศักยภาพสร้างสรรค์สูง หากเติมด้วยยุทธศาสตร์เมืองที่มองไกล วัฒนธรรมใหม่ก็จะกลายเป็นพลังอนาคตที่พลิกเมืองให้มีชีวิต มีตัวตน แข่งขันได้บนเวทีโลก และที่สำคัญคือ ก้าวไปได้อย่าง ยั่งยืนจริง
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ:
การบรรยาย Architecture & Design for Society Lecture Series ประจำปีการศึกษา 2568 ในหัวข้อ Mascot, Invented Tradition, and Pop-Culture Tourism: Learning from Japanese Cases in Creating New Cultural Values for Cities and Regionsโดย คุณอรรถ บุนนาค
https://travel.kapook.com/view128542.html
https://chailaibackpacker.com/kumamoto-japan/
https://suumo.jp/journal/2015/11/03/99869/
https://www.thesun.co.uk/news/26013767/battleship-island-hashima-japan/
https://www.theprincessblog.org/2022/10/how-rose-of-versailles-paved-way-for.html
https://kageki.hankyu.co.jp/english/history/index.html
https://pinpointtraveler.com/experience-pop-culture-in-japan/
https://www.kosho.or.jp/products/detail.php?product_id=494939638








