Dib Bangkok: แลนด์มาร์กแห่งใหม่ใจกลางกล้วยน้ำไท พระราม 4 | ฟื้นโกดังเก่าสู่พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ที่เที่ยว-จุดเช็กอินใหม่ของกรุงเทพฯ

ก.ค. 17

1 min read

0

5

0

ปลายปีนี้ กรุงเทพมหานครเตรียมต้อนรับ Dib Bangkok International Contemporary Art Museum หรือ Dib Bangkokพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยนานาชาติแห่งใหม่ ที่จะกลายเป็นแลนด์มาร์กด้านวัฒนธรรมใจกลางเมือง โดยเกิดจากการฟื้นฟูและดัดแปลงโกดังเก่ายุค 1980 ในซอยสุขุมวิท 40 ให้กลายเป็นพื้นที่ศิลปะระดับโลกอย่างเต็มตัว

โครงการนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในเชิงพื้นที่ ซึ่งสะท้อนแนวคิด "Adaptive Reuse" หรือการนำโครงสร้างอาคารเก่ามาปรับเปลี่ยนการใช้งานใหม่ โดยไม่ลบอดีตทิ้ง หากแต่แปรรูปพื้นที่ให้รองรับโอกาสและศักยภาพใหม่ ๆ ตามการเปลี่ยนแปลงของเมือง สอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาเมืองแบบ "Urban Rehabilitation" ที่ไม่ลบอดีตทิ้ง แต่เปลี่ยนผ่านการใช้งานของอาคารเก่าให้เกิดการใช้ประโยชน์รองรับโอกาสและศักยภาพใหม่ๆจากการพัฒนาและขยายตัวของย่าน

เบื้องหลังพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ คุณภูรัตน์ โอสถานุเคราะห์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ และทายาทของ คุณเพชร โอสถานุเคราะห์ ศิลปิน นักดนตรี และนักสะสมศิลปะ ซึ่งได้ร่วมมือกับ คุณกุลภัทร ยันตรศาสตร์ สถาปนิกแห่ง WHY Architecture เพื่อแปลงโฉมโกดังเหล็กให้กลายเป็นพื้นที่ศิลปะร่วมสมัยที่ผสมผสานความเป็นอินดัสเทรียลลอฟต์เข้ากับแนวคิดทางจิตวิญญาณจากพุทธศาสนา

การออกแบบภายในได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดเรื่อง “การตรัสรู้” โดยเลือกใช้โทนสีขาว-เทา และการจัดวางแสงธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญ พื้นที่ของอาคารออกแบบให้ไล่ระดับจากโครงสร้างที่ดิบแข็งในชั้นล่าง สู่ความสงบ สว่าง และเปิดกว้างในชั้นบนสุด สอดคล้องกับชื่อ “Dib” ซึ่งสื่อถึง “สภาวะธรรมชาติ” หรือความดิบบริสุทธิ์ของจิตใจมนุษย์

ภายในพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยพื้นที่ที่มีการออกแบบอย่างหลากหลาย ได้แก่

คอร์ตยาร์ดกลางแจ้งขนาดใหญ่ สำหรับจัดกิจกรรม
แกลเลอรีทรงกรวย "The Chapel" ที่ปูพื้นด้วยกระเบื้องโมเสก
สวนประติมากรรมลอยฟ้า เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่นิทรรศการ
หลังคาทรงฟันเลื่อย (Sawtooth Roof) ที่เปิดรับแสงธรรมชาติ
เพนต์เฮาส์สำหรับจัดงานพิเศษบนชั้น 4 พร้อมมุมมองสู่ทัศนียภาพเมือง

จุดเช็กอินใหม่ กระตุ้นชีพจรย่านกล้วยน้ำไท

พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 40 บริเวณกึ่งกลางระหว่างพื้นที่พักอาศัยเก่าและใหม่ สะท้อนถึงการสร้างพื้นที่วัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับบริบทย่าน ทั้งในด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์และวิถีชีวิตประจำวัน จึงมีความเป็นไปได้ที่ Dib Bangkok จะไม่ได้เป็นเพียงพิพิธภัณฑ์ แต่จะทำหน้าที่เป็น “ตัวเร่งปฏิกิริยา” สำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของพื้นที่เมืองเดิม สู่การเป็นย่านศิลปะแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ

พิพิธภัณฑ์อยู่ภายใต้การดูแลของ Miwako Tezuka ภัณฑารักษ์ผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะร่วมสมัยเอเชีย อดีตภัณฑารักษ์ของ Asia Society Museum ในนิวยอร์ก โดยมีกำหนดเปิดนิทรรศการแรกในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งคาดว่าจะกลายเป็นจุดหมายใหม่ที่ดึงดูดทั้งชุมชนในประเทศและผู้ชมระดับนานาชาติ

ในยุคที่เมืองต้องการพื้นที่ศิลปะเพื่อจุดประกายพลังสร้างสรรค์ Dib Bangkok จึงเปรียบได้กับต้นแบบของการพลิกฟื้นชีวิตอาคารร้างให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความเป็นไปได้ใหม่ สะท้อนการอยู่ร่วมกันของอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ได้อย่างลงตัว

ลองจับตาดูกันว่า “ตัวเร่งปฏิกิริยา” นี้ จะปลุกชีพจรของย่านให้เปลี่ยนแปลงไปสู่ทิศทางใด