top of page
Clip path group
Clip path group

กรุงเทพฯ น้ำท่วม ฝนถล่มฉ่ำ : ทางเลือกของเมือง ระหว่างอยู่กับน้ำ หรือ หนีน้ำ ?

พ.ย. 25

2 min read

0

0

0

ree

ฝนที่ถล่มกรุงเทพฯ ตลอดคืนวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 สร้างสถิติใหม่ของปี กับปริมาณน้ำฝนสูงสุดวัดได้ที่ 111 มิลลิเมตรในย่านปทุมวัน และทำให้พื้นที่ชั้นในกว่า 57 จุดจมอยู่ใต้น้ำชั่วคราว ตั้งแต่พระราม 4 พระราม 3 รัชดาภิเษก ไปจนถึงศาลาแดงและราชดำริ ถนนสายเศรษฐกิจต้องหยุดนิ่งเพราะรถติดยาวนับชั่วโมง


ree

รุ่งเช้าวันต่อมา ผู้ว่าฯ ชัชชาติลงพื้นที่ตรวจสอบจุดน้ำท่วมในหลายเขตของกรุงเทพฯ พบปัญหาขยะอุดตันท่อระบายน้ำจำนวนมาก พร้อมสั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งเปิดทางน้ำโดยด่วน พร้อมยืนยันว่า สาเหตุครั้งนี้ “ไม่เกี่ยวกับน้ำเหนือ” แต่เกิดจากฝนที่ตกหนักในระยะเวลาสั้นเกินขีดความสามารถของระบบระบายน้ำ ซึ่งกรุงเทพฯ ถูกออกแบบให้รองรับได้เพียง 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง — เกินกว่านั้น น้ำย่อมท่วมขังทันที

  • ในระยะสั้น กทม.เร่งดำเนิน มาตรการฉุกเฉิน ด้วยการระบายน้ำและเก็บขยะอุดตันในจุดเสี่ยง

  • ในระยะยาว กำลังเดินหน้า โครงการระบบระบายน้ำแนวถนนรัชดาภิเษก–คลองลาดพร้าว เพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายน้ำในพื้นที่ชั้นใน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2569 ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและลดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในเขตเศรษฐกิจใจกลางกรุง


แต่คำถามใหญ่กว่านั้นคือ — เมืองหลวงของเรากำลัง “อยู่กับน้ำ” หรือเพียง “หนีน้ำ” ไปปีต่อปี?


ree

ผังเมืองกรุงเทพฯ กับโจทย์สากลของเมืองปากแม่น้ำ

“การวางผังเมือง การจัดการน้ำ และการใช้ประโยชน์จากน้ำอย่างสร้างสรรค์ เป็นโจทย์ที่ทุกเมืองทั่วโลกต้องเผชิญ” รศ.ดร.พนิต ภู่จินดา จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนายกสมาคมนักผังเมืองไทย กล่าวไว้ชัดว่า  "น้ำไม่ใช่ปัญหา แต่คือโอกาสในการออกแบบเมืองอย่างยั่งยืน"


กรุงเทพฯ คือเมืองปากแม่น้ำที่ต้องเผชิญกับ “สามน้ำ” ได้แก่

  1. น้ำเหนือที่ไหลลงจากพื้นที่ตอนบน

  2. น้ำฝนที่ตกในพื้นที่เมืองเอง

  3. น้ำหนุนจากอ่าวไทยที่ดันระดับน้ำขึ้นตามจังหวะน้ำขึ้นน้ำลง


ระบบจัดการน้ำของเมืองส่วนใหญ่ในโลกมักเริ่มจากการ “กันน้ำออกจากเมือง” เช่น “คันกั้นน้ำพระราชดำริ” ของไทย ที่ช่วยแยกน้ำเหนือออกจากพื้นที่ชั้นใน โดยเปิดทางให้น้ำไหลผ่านฟลัดเวย์ทางตะวันออก แต่ปัญหาเกิดขึ้นเมื่อพื้นที่ที่ออกแบบให้เป็นทางน้ำกลับถูกพัฒนาเป็นหมู่บ้านจัดสรรและนิคมอุตสาหกรรมกว่าสี่ร้อยโครงการ เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 คือสัญญาณเตือนที่ชัดว่า เมื่อผังเมืองละเลยภูมินิเวศ เมืองก็จะกลายเป็นอ่างเก็บน้ำโดยไม่ตั้งใจ


ree

เมืองที่เคยหันหน้าเข้าน้ำ แต่กลับกำลังหันหลังลงคลอง

ก่อนกรุงเทพฯ จะกลายเป็นมหานครแห่งถนนและตึกสูง เมืองนี้เคยเติบโตบนฐานของ สัญฐานเมืองเกษตรกรรม ที่ผสานกับระบบน้ำอย่างแนบแน่น คลองคือเส้นเลือดของชุมชน เป็นทั้งเส้นทางสัญจร แหล่งอาหาร และระบบระบายน้ำตามธรรมชาติ บ้านเรือนยกพื้นสูงเรียงรายริมฝั่งน้ำสะท้อนภูมิปัญญาที่เข้าใจจังหวะน้ำขึ้นน้ำลง ถนนสามเสนและจรัญสนิทวงศ์เคยทำหน้าที่เป็นแนวคันธรรมชาติ คอยปกป้องพื้นที่ลุ่มต่ำจากน้ำหลากในฤดูฝน


แต่เมื่อเมืองเติบโต วิถีชีวิตกลับหันหลังให้กับน้ำ จาก “บ้านหันหน้าเข้าคลอง” กลายเป็น “บ้านหันหลังลงคลอง” พื้นที่รับน้ำถูกแทนที่ด้วยคอนกรีต ถนนและอาคารพาณิชย์เข้ามาแทนบ้านยกพื้น รถยนต์ต้องมีลานจอด และทุกหยดฝนที่ตกลงมาถูกบังคับให้ระบายผ่านท่อใต้ดิน — ระบบที่ไม่เคยถูกออกแบบให้รองรับเมืองขนาดนี้ได้


ree

คำถามต่อมาที่กรุงเทพฯ ต้องตอบในวันนี้จึงไม่ใช่ “จะกันน้ำอย่างไร”แต่คือ “เราจะอยู่กับน้ำอย่างไร”


3 กรณีศึกษา เมื่อเมืองต้องเลือกว่าจะ “อยู่กับน้ำ” หรือ “หนีน้ำ”


เนเธอร์แลนด์: ตัวอย่างเมืองที่เข้าใจตัวเอง และอยู่กับน้ำอย่างเป็นระบบ

ไม่พูดถึงคงไม่ได้กับ เนเธอร์แลนด์ ประเทศที่ส่วนใหญ่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล แต่กลับเป็นตัวอย่างของเมืองที่ “อยู่กับน้ำ” อย่างเป็นระบบ ผ่านโครงการ Delta Works และแนวคิด Room for the River ที่เปลี่ยนจากการสร้างกำแพงกันน้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ มาเป็นการ “คืนพื้นที่ให้น้ำ” ให้สามารถล้นเข้าบางโซนตามธรรมชาติ แทนการต่อสู้กับมันตลอดเวลา เมืองรอตเทอร์ดัมยังออกแบบพื้นที่สาธารณะให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบชลศาสตร์อย่างเป็นรูปธรรม เช่น Water Square ที่เป็นลานกิจกรรมในฤดูแล้ง แต่สามารถกลายเป็นแอ่งรับน้ำฝนเมื่อฝนตกหนัก ทำให้พื้นที่สาธารณะและระบบจัดการน้ำผสานกันอย่างกลมกลืน


Room for the River project, Rotterdam
Room for the River project, Rotterdam

ในเชิงนโยบายและผังเมือง เนเธอร์แลนด์กำหนดโซนพื้นที่รับน้ำและพื้นที่อยู่อาศัยอย่างชัดเจน โดยพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมจะเป็นพื้นที่เปิดหรือฟลัดเวย์ ไม่อนุญาตให้สร้างบ้านเรือนหรืออุตสาหกรรมหนาแน่น อาคารใหม่ มีนวัตกรรมการออกแบบให้ยกพื้นสูง ยืดหยุ่นต่อการท่วม และไม่ขัดขวางเส้นทางน้ำ รวมถึงมีมาตรการสนับสนุนทางเศรษฐกิจ เช่น การให้เงินสนับสนุนหรือยกเว้นภาษีสำหรับการพัฒนาพื้นที่สีเขียวหรือพื้นที่รับน้ำ นอกจากนี้ยังมีการผสานธรรมชาติและโครงสร้างพื้นฐานเข้าด้วยกัน รวมถึงส่งเสริม multi-functional landscape ที่เป็นทั้งพื้นที่พักผ่อน ฟื้นฟูนิเวศ และรองรับน้ำอย่างยั่งยืน


ree

สิงคโปร์: ตัวอย่างเมืองที่ประสานระบบจัดการน้ำ เข้ากับผังเมืองอย่างไร้รอยต่อ

ในขณะที่ สิงคโปร์ เคยเผชิญน้ำท่วมใหญ่บนถนนออชาร์ดในปี 2010 รัฐบาลเลือกเปลี่ยนทั้งเกาะให้กลายเป็น ระบบบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ ตั้งแต่การวางแผน ออกแบบ ดำเนินงาน ไปจนถึงการประสานกับภาคเอกชนและชุมชน ผ่านหน่วยงานหลัก Public Utilities Board (PUB) จนเกิดระบบ Four National Taps ที่ผสานน้ำฝน น้ำทะเลกลั่น น้ำรีไซเคิล และน้ำที่นำเข้าจากมาเลเซียไว้ในโครงข่ายเดียว


ree

สิ่งที่โดดเด่นคือ สิงคโปร์ไม่ได้แยกน้ำออกจากเมือง แต่ใช้ โครงสร้างน้ำเป็นโครงสร้างเมือง ทั้งพื้นที่สวนสาธารณะขนาดเล็กและใหญ่ล้วนทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบจัดการน้ำ สร้างความไร้รอยต่อและแนบเนียนเข้ากับชีวิตเมืองอย่างสมบูรณ์ Marina Barrage จึงไม่ได้เป็นเพียงเขื่อนกั้นน้ำทะเล แต่ยังเป็นอ่างเก็บน้ำจืดและพื้นที่สาธารณะกลางเมืองอย่างแท้จริง แสดงให้เห็นว่า “การจัดการน้ำ” ไม่ได้อยู่ใต้เมือง แต่คือหัวใจของการออกแบบเมือง


Marina Barrage, Singapore
Marina Barrage, Singapore

จาการ์ตา: ตัวอย่างเมืองที่เลือกหนีน้ำแทนเรียนรู้จากน้ำ

ตรงกันข้ามกับสิงคโปร์และเนเธอร์แลนด์ จาการ์ตา เป็นภาพสะท้อนของเมืองที่การพัฒนาเติบโตเร็วกว่าความเข้าใจเรื่องน้ำ การสูบน้ำบาดาลอย่างต่อเนื่อง การขยายตัวของเมืองโดยไม่ควบคุม และการละเลยพื้นที่รับน้ำ ทำให้เมืองทรุดตัวลงกว่า 10 เซนติเมตรต่อปี ในบางเขต น้ำท่วมและการกัดเซาะชายฝั่งเป็นปัญหาเรื้อรัง


ree

เมื่อระบบระบายน้ำและผังเมืองไม่สามารถรองรับความเสี่ยง รัฐบาลอินโดนีเซียจึงตัดสินใจย้ายเมืองหลวงไปยังนูซันตาราบนเกาะบอร์เนียว แม้จะช่วยลดความเสี่ยงในเมืองหลวงเก่า แต่ก็สะท้อนแนวทาง “หนีน้ำ” แทนที่จะเรียนรู้จากน้ำ — เมืองเก่ายังคงเผชิญปัญหาทรุดตัว การสูญเสียพื้นที่ชายฝั่ง และความเปราะบางทางสังคมที่เกิดจากความไม่เท่าเทียมของโครงสร้างพื้นฐาน


กรณีจาการ์ตาจึงตั้งคำถามสำคัญให้กับเมืองทั่วโลก: เราจะหนีน้ำไปอีกนานแค่ไหน และทำไมไม่เลือกที่จะเผชิญหน้าและจัดการกับน้ำอย่างเข้าใจ?


ree

กรุงเทพฯ กับทางแยกของยุทธศาสตร์น้ำ

กรุงเทพฯ ในวันนี้ยืนอยู่บนทางแยกสำคัญ — จะยังคงมองน้ำเป็นศัตรู แล้วเร่งสร้างท่อ สูบน้ำ และคันดินอย่างไม่สิ้นสุด หรือจะเริ่มออกแบบเมืองให้ “อยู่กับน้ำ” อย่างเข้าใจและมีวิสัยทัศน์มากขึ้น

การอยู่กับน้ำไม่ใช่เรื่องวิศวกรรมเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ ผังเมือง การบริหารจัดการเมือง และการประสานนโยบายข้ามภาคส่วน เมืองต้องฟื้นฟูพื้นที่รับน้ำ ใช้ผังเมืองเป็นเครื่องมือกำหนดขอบเขตการพัฒนา และสร้างโครงสร้างที่สามารถรองรับน้ำได้อย่างยั่งยืน


เมืองที่อยู่กับน้ำได้ คือเมืองที่เข้าใจธรรมชาติของตัวเอง เนเธอร์แลนด์เลือกคืนพื้นที่ให้น้ำและผสานระบบชลศาสตร์กับผังเมือง สิงคโปร์เลือกเปลี่ยนโครงสร้างน้ำให้เป็นหัวใจของเมือง ด้วยระบบบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ จาการ์ตาเลือกหนีน้ำแทนการจัดการระยะยาว


ส่วนกรุงเทพฯ... ยังอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจ ว่าจะเป็น เมืองที่เรียนรู้และเข้าใจน้ำอย่างมียุทธศาสตร์ หรือจะปล่อยให้ทุกฤดูฝนซ้ำรอยปัญหาน้ำท่วมเป็นบทเรียนราคาแพง คำถามคือ เราพร้อมจะปล่อยให้ “น้ำสอนซ้ำ” อีกหรือจะเริ่มสอนตัวเองให้เป็นเมืองที่ อยู่กับน้ำได้อย่างชาญฉลาด



ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ :

https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2895246

https://thestandard.co/weather-forecast-bangkok-heavy-rain-warning/

https://www.salika.co/2020/10/17/stop-bangkok-from-drowning-city/

https://news.trueid.net/detail/j0jjX3Ao6Zg0

https://www.posttoday.com/real-estate/658202

https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/home-car/city-planning-color-zones

https://www.area.co.th/t/825

https://www.pub.gov.sg/Public/Places-of-Interest/Our-Reservoirs-and-Waterways

https://www.holland.com/global/tourism/get-inspired/nl-in-7-stories/water-in-the-netherlands

https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcT2m7o_6Yx6NDY41Rixz_tBFKLk3YEARcDIOSGU-DNFCDmMZxPMmWqN8xp-WQ5iXgEcv8A&usqp=CAU

https://www.haskoning.com/en/projects/room-for-the-river

https://www.scmp.com/lifestyle/travel-leisure/article/3116885/when-beer-bangkok-was-50-us-cents-low-cost-low-rise-laid

https://spp.cmu.ac.th/jakarta-underwater-leave-your-home-or-fight-to-stay/

https://www.sansiri.com/content/view/homeguide-thailand-city-plan-and-color-zoning/th

https://www.facebook.com/share/1WC4C1RgRh/

https://tompepinsky.com/2025/06/06/building-a-new-capital-city-is-popular-paying-for-it-is-not/

พ.ย. 25

2 min read

0

0

0

Related Posts

Comments

Share Your ThoughtsBe the first to write a comment.
bottom of page